Monday, April 29, 2013

การทดสอบฝีเท้าของ คริสเตียโน โรนัลโด้

เรื่องน่าอ่านจาก จากประวัติของ คริสเตียโน โรนัลโด้ 
ย้ำ ควรอ่าน !!!

จากนักเตะที่หลายๆ คนมองว่า เป็นนักบอลที่เห็นแก่ตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่า ตัวจริงของเขาเป็นอย่่างไร จนกว่าจะได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จบเสียก่อน

"ผมต้องขอบคุณเพื่อนเก่า อัลเบิร์ต ฟานทรัว สำหรับความสำเร็จในอาชีพลูกหนังของผม พวกเราเล่นอยู่ในทีมเดียวกันสมัยยังเด็กกับทีมท้องถิ่น

ต่อมาวันหนึ่ง ผู้จัดการทีมสปอร์ตติ้ง ลิสบอน เดินทางมาดูฝีเท้าของพวกเราทั้งคู่ ก่อนบอกว่า เกมวันนี้ใครยิงประตูได้มากกว่า เขาจะเซ็นสัญญากับคนนั้นเข้าเป็นเด็กฝึกหัดในสโมสร"

โรนัลโด้ เล่าต่อว่า "เกมนัดนั้น ทีมของพวกเราเอาชนะคู่แข่งได้ 3-0 ผมยิงประตูแรกด้วยการโซโล่เดี่ยว ส่วนประตูที่สอง อัลเบิร์ต ฟานทรัว โหม่งทำประตูได้ 

ไฮไลต์มันอยู่ที่ประตูที่สาม จังหวะนั้น อัลเบิร์ต ได้ดวลเดี่ยว ตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตู ด้วยทักษะของเขา เขาล็อกหลอก เลี้ยงผ่านผู้รักษาประตูได้อย่างง่ายดาย ผมได้แต่วิ่งประคองตามไปเท่านั้น ณ.จุดนี้สิ่งที่เขาต้องทำ คือยิงประตูที่เปิดโล่งรออยู่ 

แต่ อัลเบิร์ต กลับจ่ายบอลมาให้ผมยิงประตูที่สามแทน ผมได้เป็นเด็กฝึกหัดของ สปอร์ตติ้ง ลิสบอน 

หลังจบเกม ผมเข้าไปถาม อัลเบิร์ต ว่า ทำไมไม่ยิงเอง เขาตอบกลับมาว่า เพราะผมเหมาะสม และเก่งกว่าเขา"

หลังจากที่ บทสัมภาษณ์นี้เป็นข่าวออกไป นักข่าวบุกไปที่บ้านของ อัลเบิร์ต ฟานทรัว เพื่อถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เขาตอบว่าเป็นความจริง 

และ อัลเบิร์ต ยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากแมทช์นั้นไม่นาน เขาก็เลิกเล่นบอล และตอนนี้เขาก็ยังไม่มีงานทำ

แต่นักข่าวกลับสงสัย ทำไม บ้านของอัลเบิร์ต อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงรถยนต์ ถึงดูหรูหรา มีระดับ ไม่ต่างจากเศรษฐี 

นักข่าวเลยถาม อัลเบิร์ต ถึงของเหล่านี้ ได้มาได้อย่างไร

อัลเบิร์ต ยิ้มนิดๆ ก่อนตอบอย่างภาคภูมิใจว่า "ทุกสิ่งอย่างมาจาก โรนัลโด้"

Thursday, April 25, 2013

ป้าต้อย กะเทยสู้ชีวิต


อยากให้เพื่อนได้อ่านนะค่ะ

"เป็นกะเทย ป้ายอมรับ แต่ป้าจะไม่ยอมทำไม่ดี ไม่ได้อยากได้ของใคร ไม่อยากเป็นปัญหาของใคร"  นี้คือคำพูดของป้าต้อย

ป้าต้อย สาวประเภทสองวัย 53 ปี เธอคือซุปตาร์เมืองนนท์ เพราะชื่อเสียงเรียงนามของเธอเป็นที่รู้จักดีของชาวเมืองนนทบุรี เวลามีงานบุญ งานบวช หรือวันไหนที่ตรงกับวันพระ ก็จะเห็นป้าต้อยไปช่วยเป็นโฆษก คอยประกาศเชิญชวนให้ญาติโยมมาร่วมกันทำบุญ รวมทั้งคอยไปสร้างสีสัน เรียกเสียงหัวเราะให้กับงานบุญต่างๆ มาโดยตลอด จนเป็นภาพที่ชินตา ป้าต้อย ยึดอาชีพขายขนมใส่ไส้มากว่า 35 ปี นับว่าเธอเป็นแม่ค้าขนมใส่ไส้คนเดียว ในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่ใส่ชุดราตรีเดินขายขนม เธอมีเอกลักษณ์การขายที่โดดเด่น เพราะเธอจะส่งเสียงร้องว่า “ไส้ ไส้ ไส้ ไส้ ไส้ จ้า” นอกจากนี้ ป้าต้อยยังเป็นแม่ค้าที่มีวลีฮิตติดปากว่า “สบายใจดี” เพราะไม่ว่าจะถามอะไรเธอก็ตาม เธอก็จะยิ้มแฉ่งพร้อมกับตอบว่า “ก็มันสบายใจดี” แม้การแต่งตัว แต่งหน้าของป้าต้อยในแต่ละวัน อาจจะทำให้ลูกค้ารู้สึกแปลกๆ หรือมีข้อสงสัยในตัว ป้าต้อยอยู่บ้าง แต่กระนั้นก็ยังช่วยอุดหนุนขนมแกจนขายหมดทุกวัน 

ป้าต้อย เป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง เพราะเธอเกิดมาเป็นคนที่สติไม่ค่อยสมประกอบ แถมพ่อแม่ของตัวเองยังเกลียดชัง ป้าต้อยจึงใช้ชีวิตอยู่กับยายตาบอดตามลำพังมาตั้งแต่เล็กๆ เมื่อป้าต้อยโตจนเริ่มทำงานได้ ป้าต้อยก็เป็น เสาหลักในการหารายได้เลี้ยงดูยายไม่ว่าจะทำงานเก็บขยะ รับจ้างเก็บศพหมาที่โดนรถชนไปทิ้ง รวมทั้งขายขนมใส่ไส้ ดังนั้นในชีวิตของเธอ เธอจึงรักยายมากที่สุด เพราะยายมอบความรัก ความอบอุ่นให้กับเธอ ยามเมื่อยายเจ็บป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ป้าต้อยก็ดูแลยายเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องข้าวปลาอาหาร ดูแลทำความสะอาด เรื่องการขับถ่ายอย่างไม่รังเกียจ จนชาวบ้านต่างชื่นชมว่าป้าต้อยเป็นคนกตัญญู ครั้นเมื่อยายเสียชีวิต ป้าต้อยก็ใช้ชีวิตตามลำพังมาโดยตลอด แต่ในหัวใจของเธอยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความคิดถึงยายอยู่เสมอ หลายๆ คนที่รู้เบื้องหลังชีวิตของป้าต้อย ต่างก็ชื่นชมและยกย่องว่าป้าต้อยเป็นคนดีคนหนึ่ง เพราะถึงแม้เธอจะสติปัญญาไม่สมประกอบ แต่ยังเป็นคนที่รู้จักทำมาหากิน ไม่ขอใครกิน ไม่เบียดเบียนใคร และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน 

ป้าต้อยเป็นคนที่ขยันทำมาหากินไม่เคยมีวันหยุด ไม่ว่าฝนจะตก อากาศจะร้อนขนาดไหน ป้าต้อยก็ไม่สนใจ เธอจะตั้งหน้าตั้งตาขายขนมท่าเดียว ยกเว้นแต่ว่าวันไหนที่คนทำขนมใส่ไส้หยุด หรือเธอต้องไปร่วมงานบุญสำคัญๆ เธอถึงจะยอมหยุด  เพื่อน ๆ อ่านแล้วอย่าได้คิดยอมแพ้ป้าต้อยนะค่ะ  ป้าแกยังสู้เลย  แล้วเราทำมัยถึงจะไม่สู้ค่ะ  สู้ ๆๆ ค่ะ หมวยเป็นกำลังใจให้ค่ะเพื่อน ๆ ^______<

via : Sureeporn longnil